แนะนำที่เที่ยวยอดนิยม

หมู่บ้านชาวนาที่มีอายุเก่าแก่กว่า 200-300 ปี บ้านเรือนในหมู่บ้านมีรูปทรงของหลังคาแบบ "กัชโชสุคุริ" ที่ถูกออกแบบมาโดยนำฟางมาชันกัน 60 องศา แลดูคล้ายกับการพนมมือหรือที่เรียกว่า "กัชโช" เพื่อให้หิมะสามารถไหลตกลงพื้นได้ไวโดยไม่ทำให้หลังคาพังลงมา อีกทั้งตัวบ้านยังถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุจากธรรมชาติล้วนๆ ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้จึงทำให้ได้รับการแต่งตั้งจากองค์กรยูเนสโกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกในปี 1995 ปัจจุบันบ้านในหมู่บ้านบางหลังได้รีโนเวทเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ศาลเจ้า และที่พักโฮมสเตย์ นอกจากนี้ยังมี "งานเทศกาลไฟประดับหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go Light Up)" ที่จัดขึ้นในช่วงฤดูหนาวประมาณกลางเดือนมกราคมถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี โดยจะมีการแต่งแต้มไฟสีส้มไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ตัดกับสีขาวนวลของหิมะ เกิดเป็นภาพที่สวยงามราวกับหมู่บ้านในเทพนิยาย

ปราสาทที่เคยเป็นที่พักของผู้ปกครองเมือง ถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อราวปี 1950 หลังจากที่ได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมได้ โดยภายในตัวปราสาทซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ชั้น มีการจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ความเป็นมาของปราสาทแห่งนี้ ตลอดจนสิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น แผนที่ อาวุธ ชุดเกราะ รูปภาพ เอกสารทางประวัติศาสตร์ เครื่องดนตรี เป็นต้น นอกจากนี้ที่บริเวณชั้นบนสุดของปราสาทยังเป็นจุดชมวิวที่สามารถชมทัศนียภาพอันสวยงามทั่วทั้งเมืองกิฟุได้แบบบ 360 องศา ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน เรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวยอดนิยมประจำจังหวัดกิฟุเลยก็ว่าได้

ย่านเมืองเก่าที่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นในสมัยโบราณ ตามถนนหนทางเรียงรายไปด้วยบ้านเรือนและคฤหาสน์เก่าแก่อายุยาวนานกว่า 100 ปี โดยบางบ้านก็ได้ทำการรีโนเวทใหม่เป็นร้านจำหน่ายของที่ระลึกที่เป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ชาพื้นเมือง คาเฟ่ และร้านอาหารสวยๆ มากมาย โดยไฮไลท์อยู่ที่ "ซันมาจิ" แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมประจำย่านเมืองแห่งนี้ที่สามารถลิ้มรสอาหารท้องถิ่นอย่างซูชิเนื้อวากิวได้ นอกจากนี้ยังมีเทศกาล "ทาคายามะมัตสึริ" ที่ผู้คนจะแต่งกายย้อนยุคและมีการเล่นดนตรีประกอบขบวนแห่รถโบราณที่เรียกว่า "ยะไท" ท่ามกลางโคมไฟที่ประดับประดาในยามค่ำคืนอย่างสวยงามจนได้รับการขนานนามว่าเป็น 1 ใน 3 เทศกาลที่มีความสวยงามตระการตาที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว

หมู่บ้านออนเซ็นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,000 ปี เป็น 1 ใน 3 ออนเซ็นที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยขึ้นชื่อว่าเป็นออนเซ็นแห่งความงามที่ช่วยทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี โดยมีให้บริการทั้งบ่อกลางแจ้งแบบเปิดโล่ง บ่อรวมที่ใส่ชุดว่ายน้ำลงไปแช่ และนอกจากนี้มีบ่อแช่เท้าที่คอยให้บริการอยู่ตามจุดต่างๆ เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินเที่ยว และที่สำคัญยังให้บริการฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย อีกทั้งยังมีมีโรงแรมและเรียวกังบรรยากาศดีๆ มากมายเปิดให้บริการด้วย

น้ำตกที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีความสูงกว่า 30 เมตร กว้าง 4 เมตร ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะโยโระที่ความสวยงามผันเปลี่ยนไปตามแต่ละฤดูกาล โดยเฉพาะฤดูใบไม้ผลิในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมที่จะมีใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามให้รับชม จนได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดประจำภูมิภาคจูบุ หรือกระทั่งฤดูใบไม้ผลิในช่วงเดือนเมษายนก็ยังเต็มไปด้วยต้นซากุระกว่า 3,000 ต้นที่ออกดอกบานสะพรั่งอย่างสวยงาม