การประกาศภาวะฉุกเฉินส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อธุรกิจขายส่งผลิตภัณฑ์อาหาร
การประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งที่ 2 ของญี่ปุ่นไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบไปยังร้านอาหารต่างๆ ที่ต้องเลื่อนเวลาปิดร้านให้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจขายส่งผลิตภัณฑ์อาหารที่นอกจากยอดขายจะลดลงแล้ว ยังจำเป็นต้องนำผลิตภัณฑ์อาหารจำนวนมาก ไปกำจัดทิ้ง
หนึ่งในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจขายส่งผลิตภัณฑ์อาหารระบุว่า คำสั่งซื้อจากร้านเหล้าและโรงอาหารตามบริษัทต่างๆ ลดลงอย่างมาก จากการที่ต้องเลื่อนเวลาปิดร้านให้เร็วขึ้น และการเปลี่ยนระบบมาทำงานที่บ้านของพนักงาน
ศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทดังกล่าวตั้งอยู่ในเมืองโทดะจังหวัดไซตามะ ได้เปลี่ยนรถบรรทุกสำหรับขนส่งอาหารให้มีขนาดเล็กลง ตามคำสั่งซื้อที่ลดลง ในขณะที่ค่าแรงและค่าน้ำมันยังคงเท่าเดิม
นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์อาหารในคลังสินค้าที่หมดอายุแล้วกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น ปูและผักแช่แข็ง โดยกำลังกองทับถมอยู่ที่ มุมหนึ่งในโกดังเพื่อรอเข้าสู่กระบวนการกำจัดทิ้ง
แม้ผลิตภัณฑ์อาหารบางส่วนทางบริษัทได้มีการนำไปแจกจ่ายให้กับกลุ่มองค์กต่างๆ ก่อนจะถึงวันหมดอายุบ้างแล้ว แต่ส่วนที่ต้อง นำไปกำจัดทิ้งก็ยังมีอยู่จำนวนมาก อีกทั้งค่าใช้จ่ายในกระบวรนการกำจัดก็สูง
นายคุเซะ ชินยะ ประธานบริษัทแห่งนี้กล่าวว่า ทางบริษัทได้สต็อกผลิตภัณฑ์อาหารไว้เป็นจำนวนมากเพื่อป้องกันภาวะสินค้าขาดมือ แต่สุดท้ายกลับต้องผชิญกับภาวะสินค้าล้นสต็อกเนื่องจากการประภาวะฉุกเฉินที่ส่งผลต่อความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานขึ้น
นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้ใช้ความพยายามที่จะเสนอผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ๆ ให้กับพันธมิตรทางธุรกิจ แต่ก็ไม่อาจดำเนินการได้ทัน จนต้องกำจัดผลิตภัณฑ์ส่วนเกินทิ้งไป
ที่มา : https://www3.nhk.or.jp/news/html/20210117/k10012819061000.html