ผลการวิจัยจากบริษัทเวชภัณฑ์ ยืนยันว่าวัคซีนโควิด-19 มีผลให้ปริมาณแอนติบอดีเพิ่มขึ้น
"Nature" วารสารวิชาการทางวิทยาศาสตร์ของประเทศอังกฤษรายงานว่า บริษัทเวชภัณฑ์ที่กำลังค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 อยู่ ได้แก่ บริษัท Pfizer จากประเทศอเมริกา, บริษัท BioNTech จากประเทศเยอรมัน ได้ยืนยันผลการทดสอบทางการแพทย์ในขั้นแรกแล้วว่า วัคซีนโควิด-19 ที่คิดค้นขึ้นนั้นสามารถทำให้ปริมาณแอนติบอดีในการต่อต้านไวรัสโควิด-19 ในร่างกายของผู้ป่วยเพิ่มขึ้นได้
โดยผู้ป่วยโควิด-19 ที่เข้ารับการทดสอบทางการแพทย์มีจำนวน 45 คน โดยอยู่มีอายุตั้งแต่ 18-55 ปี หลังจากทำการฉีดวัคซีนให้กับผู้ป่วยโควิด-19 เป็นเวลา 21 วัน แล้วนำเลือดมาตรวจสอบ พบว่าปริมาณแอนติบอดีในการต่อต้านไวรัสโควิด-19ในร่างกายของผู้ป่วยหลังจากได้รับวัคซีนนั้นเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังตรวจพบแอนติบอดีที่เรียกว่า Neutralizing Antibody (แอนติบอดีที่ไปจับกับไวรัส แล้วสามารถยับยั้งไวรัสไม่ให้เข้าไปติดเชื้อในเซลล์) ในปริมาณที่มากขึ้นด้วย โดยปริมาณ Neutralizing Antibody ที่พบในเลือดของผู้ป่วยที่ฟื้นตัวจากโรคโควิด-19 นั้นมีเพิ่มขึ้นราว 1.9-4.6 เท่าเลยทีเดียว
ในขณะเดียวก็มีผู้ได้รับวัคซีนเกินกว่าครึ่งที่บอกว่ามีผลค้างเคียงอย่างอาการปวดหัวตามมา แต่ไม่มีรายงานว่าเป็นอันตรายร้ายแรงต่อร่างกายแต่อย่างใด
หากการพัฒนาวัคซีนของบริษัท Pfizer และ BioNTech ประสบความสำเร็จ ทางรัฐบาลของอเมริกาได้ตกลงที่จะจัดหาวัคซีนอย่างน้อย 100 ล้านโดส ให้กับทางรัฐบาลญี่ปุ่น โดยทางรัฐบาลญี่ปุ่นนั้นได้ตกลงที่จะจัดหาปริมาณวัคซีนให้เพียงพอสำหรับ 60 ล้านคนให้ได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนปีหน้า
ปัจจุบันวัคซีนดังกล่าวได้เข้าสู้ขั้นตอนที่ 3 ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทดสอบทางการแพทย์ตั้งแต่เดือนที่แล้ว โดยทางบริษัท Pfizer ได้ตั้งเป้า ที่จะให้วัคซีนดังกล่าวได้รับการอนุมัติอย่างเร็วที่สุดภายในเดือนตุลาคมปีนี้
ที่มา : https://www3.nhk.or.jp/news/html/20200813/k10012564831000.html