ปราสาทโคคูระ (小倉城)

ช่องแคบคังมง ช่องแคบนี้มีความยาวถึง 700 เมตรในหนึ่งวันจะมีเรือล่องผ่านช่องแคบนี้ถึง 700 ลำเลยทีเดียว ทำให้เราได้ยินเสียงหวูดเรือเป็นเหมือนเสียงดนตรีเลยก็ว่าได้ และด้วยเสียงหวูดเรือบวกกับเสียงคลื่นที่ไพเราะจึงได้ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 สถานที่ที่ให้คงเหลือไว้ในญี่ปุ่น นอกจากนี้ช่องแคบนี้ยังมีอุโมงค์ข้ามที่ด้านบนเป็นทางสัญจรของรถ ส่วนด้านล่างไว้สำหรับให้คนเดิน

ภูเขาซาระกุระ สูงจากระดับน้ำทะเล 622 เมตร สามารถขึ้นไปบนยอดได้โดยนั่งเคเบิลคาร์หรือสโลปคาร์นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมของชาวคิวชูอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์รถไฟคิวชู เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์รถไฟคิวชูห้องจำลองขับรถไฟ และให้ลองขับรถไฟมินิ เป็นสถานที่ที่คนรักไฟจะชื่นชอบมากเนื่องจากวันหยุดเสาร์-อาทิตย์หรือวันหยุดยาว จะมีจัดกิจกรรมสำหรับครอบครัวด้วย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งรวบรวมประวัติศาสตร์ของรถไฟคิวชูเอาไว้ ภายในมีทั้งขบวนรถไฟเก่าที่สามารถเข้าไปเดินชมภายในได้จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์รถไฟคิวชูคือมีการจัดแสดงตู้รถไฟและการจำลองการขับรวมถึงลองขับรถไฟมินิ

ท่าเรือโมจิ มีความสำคัญตรงที่เป็นเสมือนจุดเชื่อมต่อระหว่างเกาะคิวชูกับเกาะใหญ่ฮอนชูอีกทั้งในอดีตราวๆปีค.ศ. 1900 นั้นได้เคยเป็นท่าเรือสำคัญที่ใช้ในการติดต่อค้าขายกับนานาชาติ แต่ยังคงมีเสน่ห์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความเก่าแก่อย่างครบถ้วนแล้วยิ่งมีการปรับปรุงเปลี่ยนจากท่าเรือปกติๆให้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพราะมีการอนุรักษ์ตึกเกาะสไตล์ยุโรปเอาไว้มากมายตั้งแต่ยุคเมจิเลยทีเดียว

โรงละครคาโฮ เป็นโรงละครเก่าแก่แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเมจิ ในเมืองอิสึกะ (Iizuka) จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) และยังเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น แต่เดิมบริเวณแถบนี้มีโรงละครมากมายแต่โรงละครคาโฮแห่งนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่ที่แห่งยังดำเนินกิจการและเปิดให้เข้าชมได้อยู่

ศาลเจ้ามิยาจิดาเคะ เป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุโอกะ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 1,700 ปีเลยทีเดียวและเต็มไปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กระจายอยู่รอบๆ แต่จะบริเวณหนึ่งที่ผู้คนมักเข้าไปเคารพสักการะเป็นอันดับต้นๆ คือ สุสานของวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งที่ไม่มีใครทราบชื่อเพราะไม่ได้มีการบันทึกไว้ มีเพียงโบราณวัตถุอย่าง ดาบทองขนาดใหญ่ที่พบพร้อมกับเครื่องใช้ที่ถูกฝังไว้ด้วยกัน เป็นสิ่งยืนยันความเก่าแก่

ศาลเจ้าดาไซฟุเท็มมังกู แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองฟุกุโอกะ อาคารศาลเจ้าหลักอันงดงามท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบและสีสันสดใสจากธรรมชาติรอบข้างโดยเฉพาะในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิถือเป็นสถานที่ชมดอกบ๊วยชื่อดังของแถบนี้เลย เทพเจ้าที่สถิตอยู่ในศาลเจ้าดาไซฟุเท็มมังกูคือซุกาวาระ โนะ มิจิซาเนะมิจิซาเนะเป็นนักวิชาการ นักการเมืองและนักเขียนที่ได้รับความเชื่อถือจากผู้คนมากมายทั่วประเทศญี่ปุ่น มีผลงานที่โดดเด่นในช่วงปีค.ศ. 800 - 900 จึงได้รับการยกย่องให้เป็นเทพเจ้าแห่งการศึกษา

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติคิวชู เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติลำดับที่ 4 ในญี่ปุ่น ตัวอาคารเป็นตึกสีฟ้าติดกระจกหลังใหญ่โตรูปทรงแปลกตาภายในแบ่งเป็นส่วนจัดแสดงทั้งหมด 4 ชั้น ประกอบด้วยนิทรรศการหลักและนิทรรศการพิเศษที่เปลี่ยนไปตามโอกาส ในส่วนนิทรรศการหลักจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ทั้งยังเป็นที่เก็บรวบรวมสิ่งของมีค่าอันเป็นมรดกของชาติและของเพื่อนบ้านที่มอบให้ญี่ปุ่นด้วยทั้งระฆังโบราณขนาดใหญ่ ภาพวาดโบราณ พระพุทธรูปนิกายต่าง รวมถึงข้าวของเครื่องใช้สมัยเอโดะ

วัดคันซีออนจิ วัดแห่งนี้นับว่ามีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากเป็นวัดที่องค์จักรพรรดิเพื่ออุทิศให้แก่พระมารดาที่จากไป วัดนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ. 746 ในดาไซฟุที่วัดมีวิหารหลักสองหลังคือโคโดะและคนโดะวิหารคนโดะได้รับยกย่องให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของจังหวัดฟุกุโอกะ สิ่งที่โดดเด่นของวัดอีกอย่างคือรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสูงมากกว่า 5 เมตร

มารีนเวิลด์ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ของจังหวัดฟุกุโอกะ นักท่องเที่ยวสามารถชมความงามราวกับได้ท่องไปในโลกใต้ท้องทะเลด้วยสัตวน้ำกว่า 30,000 ชีวิต 450 สายพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีการแสดงของเหล่าสัตว์น้ำให้ชมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นโลมา หรือแมวน้ำอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์หัตถกรรมและการออกแบบ ที่พิพิธภัณฑ์งานฝีมือฮากาตะมีการจัดแสดงงานฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองฟุกุโอกะ อาทิ ผ้าทอลายฮากาตะโอริ และ ผ้าทอฮากาตะ เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวบรวมผลงานเด็ดๆที่มีทั้งผลงานการออกแบบและงานหัตถกรรมเอามาจัดแสดงให้ได้ดูกันแต่ละอันล้วนแต่มีความเป็นเอกลักษณ์และยังจะแฝงไปด้วยประวัติศาสตร์ของเมืองไว้อย่างเต็มเปี่ยม

ศาลเจ้าคูชิดะ นับเป็นศาลเจ้าที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังของความโบราณ เรียกได้ว่าถือเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองฟูกุโอกะ เป็นศาลเจ้าที่เป็นที่คุ้นเคยในท้องถิ่น ถูกเรียกว่า Okushi-san ในช่วงปลายเดือนมกราคมจะมีการประดับทางเข้าศาลเจ้าด้วย Otafuku ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเป็นเวลาสองสัปดาห์ Otafuku คือ หน้ากากโบราณของญี่ปุ่นที่เชื่อกันว่าช่วยนำความสุขและโชคลาภมาให้ตัวศาลเจ้าและรอบๆบริเวณก็ยังมีการออกแบบและตกแต่งที่ความสวยงามตามสถาปัตยกรรมแบบชินโตดั้งเดิมแท้ๆ